ความรักของผม

ทำบุญร่วมกันมาแค่ไหน ความรักก็ยืนยาวแค่นั้น
ประโยคนี้ อาจดูคุ้นหูคุ้นตากันมาบ้างในฐานะชาวพุทธ
ที่คอยเฝ้าถามว่า “ความรัก” คืออะไร?
นั่นสิ ความรัก คืออะไร?

     ในอดีตผมเชื่อว่า "รักคือความสุข" ซึ่งเป็นการเห็นแก่ตัวมาก ๆ ที่หากคิดแบบนั้น เพราะเราต้องการเพียงแต่ให้ตัวเองมีความสุข และสุดท้าย ความรักนั้นก็กลายเป็นเพียงความต้องการของตนเอง ที่สร้างความทุกข์ และความเจ็บปวดให้กับเรา เพราะความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่การถวิลหา หรือการเฝ้าถามคนรักว่า "รักเรามั้ย/คิดถึงเรามั้ย" แต่ความสุขจะเกิดขึ้นหากใช้ใจที่บริสุทธิ์สื่อสารซึ่งกันและกัน และภาษาใจนั้นจะทำให้เกิดผีเสื้อบินในท้อง กลั่นจนกลายเป็นความสุขของเรา

     นิยามความรักต่อมาที่ผมเชื่อ "รักคือความเข้าใจ" หลายครั้งหลายหน เราต้องการให้ใครสักคนรับฟังเรา เข้าใจและยอมรับในแบบที่เราเป็น ซึ่งมันก็คือการเห็นแก่ตัวอีกนั่นแหละ แต่ผมได้เจอคนที่เข้าใจผม และบางครั้งผมรู้สึกว่าเขาเข้าใจผมมากกว่าที่ผมเข้าใจตัวเอง แม้ว่าผมจะเคยทิ้งเขาไป สร้างความเจ็บปวดให้กับเขา แต่เขาก็คือคนเดียวที่เข้าใจ และยอมรับในการตัดสินใจของผม และแม้ว่าเราจะกลับมาคบกันใหม่ เขาก็ยังคงมีความเข้าใจในแบบที่เคยเป็น จนมาวันนี้ ผมได้จากลาคนนั้นอีกครั้ง เดินออกมาจากคนที่เข้าใจผมมากกว่าตัวเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังสัมผัสได้คือ เขาก็ยังคงเข้าใจผมอยู่ ซึ่งประโยคที่เราพูดคุยกันก่อนจากลา เขาได้บอกว่า ในวันนี้เราแยกจากกันไปทำตามความฝันของตัวเอง ในอนาคตเราอาจกลับมาอยู่ด้วยกันในแบบที่เราต้องการก็ได้นะ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ แม้ว่าผมจะเป็นฝ่ายบอกลา แต่เขาก็ยังคงเข้าใจในตัวตนของผมอยู่ แม้ว่าผมแทบจะไม่เข้าใจเขาเลยก็ตาม

    ในช่วงเคว้งคว้างของชีวิต ผมมีคนเข้ามามากมาย เข้ามาเพื่อแค่เซ็กส์ เข้ามาแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก หรือจะด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แม้กระทั่งไปเป็นมือที่สาม หรือมีมือที่สามเข้ามาในชีวิต หลายเหตุการณ์เป็นภาพจำที่ผมไม่อาจลืม แม้ว่าหลายคนที่ผมเลิกราไป เป็นเพราะการเดินออกมาของผมเอง แต่ก็เป็นอีกหลายครั้งที่ผมต้องผิดหวังจากความคาดหวังของตัวเอง ในหลาย ๆ ครั้ง ผมต้องกลายเป็นคนอ่อนแอ เพราะความรักที่ไม่สมหวัง แต่ผมยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้า หาประสบการณ์ให้กับตัวเองและมองความรักเป็นเพียงความรู้สึกหนึ่งที่ไม่ได้ยั่งยืน อาจดูโดดเดี่ยวและว้าเหว่ 

     การเรียนรู้จากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงเคว้งคว้างของชีวิต ทำให้ต่อมา ผมมองว่า "รักคือการไม่รัก" การที่ไม่มอบหัวใจแบบถลำลึกให้กับใคร การไม่คาดหวัง การไม่ถวิลหา การไม่โหยหาความรักจากผู้ใด แต่มอบความรักให้กับตัวเอง ซึ่งก็เป็นการเห็นแก่ตัวอีก (มั้ง) กลับมาดูแลตัวเอง รักตัวเอง ใส่ใจในตัวเอง เพราะผมมองว่า ถ้าเรายังรักตัวเองไม่ได้ เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปรักใคร หรือมอบความรักให้กับใคร

      ประสบการณ์ต่าง ๆ สอนให้ผมโตขึ้น ทุกคนที่เคยเข้ามาและจากไป ผมปลอบใจตัวเองว่า เราคงทำบาปบุญร่วมกันมาแต่ชาติที่แล้ว เพราะบางคนก็เป็นได้แค่คนฆ่าเวลา บางคนก็เป็นแค่ได้คนที่มอบความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน เป็นคนที่ต้องรองรับอารมณ์ของกันและกัน ซึ่งระยะเวลาก็แตกต่างกัน 1 เดือน 1 อาทิตย์ หรือเพียงแค่ 1 วัน ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ทิ้งบาดแผลเอาไว้ไม่มากก็น้อย และบาดแผลเหล่านั้นกลายเป็นภูมิต้านทานที่ทำให้ผมด้านชากับเรื่องของความรัก และเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง

     สำหรับนิยามความรักของผมที่แปรเปลี่ยนตามเวลา ผมก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตนิยามความรักนี้อาจจะเปลี่ยนไป ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอิสระแบบที่ตัวเองต้องการ ถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะเหงาที่ต้องโดดเดี่ยว แต่ก็ผมไม่ได้ต้องการการปลอบใจ เห็นใจ หรือให้ใครมาสงสาร มีแต่ตัวเราที่จะทำตื่นจากความเศร้า แล้วกลับมาเป็นตัวเองที่เข้มแข็งอีกครั้ง 


ถ้าเราเข้มแข็ง เราก็น่าจะมีหัวใจที่เต็มดวงเพื่อรักใครสักคน  



ขอบคุณทุกความรัก
ขอบคุณทุกความเข้าใจ
ขอบคุณที่มอบกำลังใจ
ขอโทษที่ไม่สามารถเดินถอยหลังกลับไป
เราจะรออยู่ที่ปลายทางความสำเร็จ

ครูใหญ่

 

ความคิดเห็น